“ไขมันพอกตับ”

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโรคภัยเงียบสุดอันตรายของตับมาแรงอันดับ 1 แห่งปี 2566 เลยก็ว่าได้สำหรับภาวะ “ไขมันพอกตับ” ที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นอันดับต้นๆเข้ารักษาเกี่ยวกับภาวะนี้และเป็นจุดเริ่มต้นของมะเร็งตับ ในปัจจุบันหลายคนอาจยังไม่เข้าใจถึงความอันตรายของภาวะไขมันพอกตับที่จะมีผลต่อตับและอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกาย สำหรับวันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับโรคไขมันพอกตับ หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า ไขมันเกาะตับ โดยจะมาดูกันว่าสาเหตุของโรคเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไรมีตัวอะไรเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้างไปดูกันเลยค่ะ

“ไขมันพอกตับ”

“ไขมันพอกตับ” ภัยเงียบเสี่ยงโรคมะเร็งตับ

            “ไขมันพอกตับ” หรือภาวะไขมันพอกตับ สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกเพศและทุกวัย ซึ่งอันตรายของโรคเหล่านี้ เกิดจากภาวะที่มีการสะสมของไขมันในตับจนทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการตับอักเสบหรือตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่งบางคนอาจมีการเกิดพังผืดในเซลล์ตับได้จนก่อให้เกิดโรคตับแข็งในที่สุด โดยสาเหตุหลักๆของภาวะไขมันพอกตับนั้น เกิดจากตับที่ทำงานผิดปกติ เช่นผู้ป่วยมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน จึงทำให้ระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จนเกิดเป็นภาวะไขมันพอกตับนั่นเอง และอีกแบบหนึ่งเกิดขึ้นจากพฤติกรรม การดูแลสุขภาพ เช่นการรับประทานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ การรับประทานบุฟเฟ่ต์เป็นประจำ โรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือการกินจุกจิกจนน้ำหนักตัวเกินมาตรฐาน ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถือเป็นภาวะเสี่ยงเป็นอย่างมากที่จะช่วยกระตุ้นให้ไขมันพอกตับมีปริมาณมากขึ้น เพราะจะมีการที่ร่างกายมีภาวะแมตาบอลิกซินโดรม จึงทำให้สามารถแสดงอาการออกมาให้ผู้ป่วยนั้นได้รู้ตัวถึงความผิดปกติได้ ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้จะต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยปริมาณของไขมันที่ไปพอกตับ เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจเกิดอันตรายต่อตับและอวัยวะอื่นๆใกล้เคียงได้ ซึ่งอาจจะมีการทำการรักษาแบบให้รับประทานยา เป็นต้น

“ไขมันพอกตับ”  เสี่ยงมะเร็ง

            จะเห็นได้ว่าผู้ป่วยที่เป็น“ไขมันพอกตับ”หรือมีภาวะไขมันเกาะตับ ระยะเริ่มต้นอาจจะยังไม่รู้สึกถึงอาการผิดปกติและความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย แต่เมื่อไหร่ที่คุณมีปริมาณไขมันในเส้นเลือดมาก และน้ำตาลสูง จะทำให้อาการเหล่านี้เป็นปัจจัยไปกระตุ้นให้เกิดอาการจนแสดงอาการออกมาจนได้ ถ้าหากคุณมีอาการหน้ามืดเวียนหัว และมีอาการคล้ายจะอาเจียนบ่อย และมีพฤติกรรมข้างต้นที่ได้กล่าวไป ufawallet.com แนะนำให้คุณควรจะรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคและหาทางรักษาต่อไป เพื่อป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับลุกลามในอนาคตได้ค่ะ

Latest Posts

Related Posts